Home – SDGs for All

A project of the Non-profit International Press Syndicate Group with IDN as the Flagship Agency in partnership with Soka Gakkai International in consultative status with ECOSOC

Watch out for our new project website https://sdgs-for-all.net

ธุรกิจบริการนวดที่มีชื่อเสียงของไทยใกล้ล่มสลายในวันที่ไร้นักท่องเที่ยว

share
tweet
pin it
share
share

โดย ปัทมา วิไลเลิศ

กรุงเทพ (สำนักข่าว IDN) — ธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของไทยจะให้ความหายไปในทางเดียวกันกับสถานบริการนวดแผนโบราณและศูนย์กลางการนวดบำบัด แต่เนื่องด้วยการล็อกดาวน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจและอาจกดดันให้ต่างชาติเข้ามาถือครองแทน การล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องได้ส่งผลต่อธุรกิจสปาและบริการนวดอย่างรุนแรง

นาย กรด โรจนเสถียร ประธานสมาคมสปาไทย ได้เปิดเผย ในการให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ณ ที่นี่ว่านับตั้งแต่การระบาดในรอบแรกเมื่อปีที่ผ่านมาเมื่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวเกือบจะต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว ธุรกิจสปาและบริการนวดกว่า 80% ต้องปิดให้บริการตามคำสั่งล็อกดาวน์ทำให้มีผู้ตกงานกว่า 200,000 ราย

รัชนีเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาวสองคน เธอเป็นผู้จัดการสปาแห่งหนึ่งในประตูน้ำ พื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ก่อนจะเกิดการระบาดเกิดขึ้น เธอมีรายได้จากเงินเดือนและบริการนวดที่เธอบริการนวดให้กับลูกค้าในยามที่มีพนักงานนวดไม่พอให้บริการเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการจำนวนมากกว่า $1,000 ต่อเดือน

“จากการต้องปิดธุรกิจสปาทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ” รัชนีได้บอกกับ IDN “เราปิดให้บริการมาตั้งแต่ต้นปี 2020 (และ) แม้ว่าในช่วงสุดท้ายของการระบาดรอบสองเมื่อรัฐบาลอนุญาตให้สามารถเปิดให้บริการสปาและนวดได้สำหรับคนในพื้นที่ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ฉันมีเงินพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้”

ในบรรดาลูกค้าสปาของเธอเป็นลูกค้าจากมาเลเซีย สิงคโปร์และอินเดียเป็นหลัก ด้วยการที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยจึงทำให้ธุรกิจสปาของเธอยังคงต้องปิดให้บริการ ตอนนี้เธอจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเส้นทางอาชีพและต้องทิ้งงานที่เธอรักที่สุด สถานการณ์บีบบังคับให้เธอต้องขายหมูย่างริมถนนใกล้อะพาร์ตเมนต์ที่เธอเช่าในชานเมืองของกรุงเทพมหานคร เธอยังคงรอคอยการได้รับเงินจากโครงการช่วยเหลือเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

นวดไทยได้รับความนิยมไปทั่วโลก เชื่อกันว่ามีการฝึกสอนนวดไทยในอาณาจักรมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 2,500–7,000 ปี นวดไทยมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการผสมผสานรวมกันของโยคะและแพทย์แผนไทย ซึ่งทำงานร่วมกันกับเส้นทางเดินกำลังของร่างกาย อีกคุณสมบัติหนึ่งที่นวดไทยมีความโดดเด่นคือในระหว่างการนวด ลูกค้าจะนอนลงบนพื้น ไม่ได้นอนบนโต๊ะและจะคงสวมเสื้อผ้าครบ

นวดแผนโบราณหรือนวดไทยเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะ วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของการแพทย์แผนไทย โดยในปี 2019 UNESCO ได้กำหนดให้นวดไทยเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

ในปี 2019 มีการคำนวณรายได้จากธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยอยู่ที่ 62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ธุรกิจสปาและนวดทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยสัญญาณที่ดีของอัตราการเติบโตประจำปีที่ 8%สถาบันด้านสุขภาพสากลได้ประมาณการว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกว่า 12.5 ล้านคนที่เดินทางเพื่อบริการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในแต่ละปี รัฐบาลได้เสนอนโยบายเพื่อส่งเสริมประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางธุรกิจสปาแห่งเอเชีย ปัจจุบันมีสถานที่บริการสปาและนวดกว่า 8,600 แห่งทั่วประเทศ แต่ธุรกิจเหล่านี้จะมีเพียงกี่แห่งที่จะอยู่รวดวิกฤติโรคระบาดซึ่งนี่เป็นคำถามใหญ่

ในช่วงระหว่างการล็อกดาวน์ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในพื้นที่ได้รับเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท (ประมาณ $150) เป็นเวลา 3 เดือนในช่วงการล็อกดาวน์ของการระบาดในรอบแรก แต่ธุรกิจสปาจำนวนมากมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ

ในการประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อธุรกิจสปา/นวด อาจจะต้องไปดูในพื้นที่แถวประตูน้ำเขตรอยต่อกับศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร ซึ่งโดยปกติจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว หลาย ๆ แห่งถูกปิดไปอย่างถาวรตั้งแต่การระบาดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครในรอบแรกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020

ตามมาด้วยการซ้ำเติมให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น

ร้านบริการนวดที่คนในพื้นที่เป็นเจ้าของและผู้ทำธุรกิจขนาดเล็กได้ปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดได้โดยการเสนอบริการนวดตามบ้านหรือเปลี่ยนไปทำธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ ชั่วคราว ความรู้สึกขัดเคืองต่อการขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสปาและบริการนวดได้ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยในเดือนสิงหาคมปีนี้ พวกเขาต้องการให้มีการจ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวน 200 ล้านบาท ($5.9 ล้าน) พวกเขาอ้างว่ารัฐบาลไม่มีการวางแผนใด ๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

ในการให้สัมภาษณ์กับทางBiznews ของนาย กรด โรจนเสถียรเมื่อไม่นานมานี้ได้แสดงให้เห็นถึงความกังวลว่าผู้ให้บริการในพื้นที่อาจจะไม่สามารถอยู่รอดในช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ได้ และด้วยการที่มีชาวจีนในตลาดธุรกิจท่องเที่ยวเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุด นักธุรกิจชาวจีนที่มีเงินทุนหนาอาจจะเข้าซื้อกิจการสปาเหล่านี้ เขาได้อ้างว่าเขาได้ระบุถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้แล้วด้วยการที่มีชาวจีนกำลังเรียนนวดไทย

ในการพยายามให้ธุรกิจสปาสามารถประคองตัวอยู่ได้ รัฐบาลจึงได้อนุญาตให้สถานที่บริการสปาและบริการนวดสามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน แต่อนุญาตให้เปิดให้บริการแก่ลูกค้าในพื้นที่เท่านั้น สกาย พนักงานนวดในสถานบริการแถวมักกะสันใกล้กับประตูน้ำ กล่าวว่าลูกค้าของเธอส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติจากอินเดีย มาเลเซียและสิงคโปร์ซึ่งจะเดินทางมาช้อปปิงแถวประตูน้ำ “ฉันทำงานนวดมาเป็นเวลา 12 ปีแล้วและมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 500 ดอลลาร์ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาด” เธอได้บอกกับ IDN

ในช่วงระหว่างการระบาดของโควิด-19 รอบที่สามซึ่งไม่มีลูกค้าชาวต่างชาติเลย เธออาจจะกลับบ้านเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของเธอ เธอพักอาศัยอยู่ในร้านเนื่องจากเจ้าของร้านชาวไทยได้จัดหาที่พักและอาหารบางส่วนไว้ให้สำหรับพนักงาน เธอต้องพึ่งพาเงินที่ได้จากมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งได้จัดให้สำหรับผู้ตกงานอันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ในบางครั้งเธอจำเป็นจะต้องกู้ยืมเงินจากหนี้นอกระบบเพื่อให้มีชีวิตรอด “ฉันจะสามารถทำงานนวดได้อีกครั้งตั้งแต่เดือนนี้ แต่ก็มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในแต่ละวัน มีความต้องการใช้บริการน้อยลงเนื่องจากคนไทยในพื้นที่เองก็มีรายได้น้อยลงในช่วงการระบาด ฉันอาจจะต้องกลับไปตั้งหลักในหมู่บ้าน” เธอกล่าวอย่างเศร้าใจ

เวสด้าเป็นเจ้าของร้านนวดไทยที่ตั้งอยู่บนถนนสายเล็ก ๆ ตรงข้ามโรงแรมอินทรา พื้นที่ช้อปปิงหลักของกรุงเทพมหานคร ลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอเป็นนักท่องเที่ยวจากเกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนามและอินเดีย ก่อนการระบาดเธอเคยมีรายได้ประมาณ $3,000 ต่อเดือน ในช่วงแรกของการล็อกดาวน์ทั้งสามรอบเธอมีรายได้จากการเป็นล่ามภาษาไทยให้กับชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในบริเวณประตูน้ำ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการล็อกดาวน์รอบที่ 2 และ 3 ชาวเวียดนามเหล่านั้นได้เดินทางกลับประเทศ

“ฉันเคยมีพนักงานนวด 17 คน เป็นพนักงานประจำ 7 คนและพนักงานพาร์ทไทม์ 10 คน เมื่อเกิดการระบาดพนักงานของฉันส่วนใหญ่ตัดสินใจกลับบ้านเกิด ตอนนี้มีพนักงานนวดพาร์ทไทม์ที่ยังทำงานกับฉันสามคน” เธอกล่าว “แม้ว่าธุรกิจของฉันจะเจอปัญหาหนักมากแต่ฉันก็ยังต้องจ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 25,000 บาท ($740) ต่อเดือนหลังจากที่เจ้าของได้ลดค่าเช่าให้แล้ว 50 เปอร์เซ็นต์รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟ”

ตั้งแต่ที่มีคำสั่งล็อกดาวน์ รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้การช่วยเหลือทางการเงินกับธุรกิจและประชาชนชาวไทย ธุรกิจสปาและบริการนวดเป็นหนึ่งในสถานที่แรก ๆ ที่ได้รับคำสั่งให้ปิดบริการ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใด ๆ จากรัฐบาล มีเพียงลูกจ้างของธุรกิจเหล่านี้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ตามพระราชบัญญัติประกันสังคมมาตรา 119 (SSA) เท่านั้นที่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท ($150)

เวสด้ารู้สึกเครียดมากที่ต้องหารายได้ให้พอประทังชีวิตจากเงินเก็บของเธอและเงินที่ยืมมาจากเจ้าหนี้นอกระบบจนทำให้เธอคิดฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่วันหนึ่งในเดือนมิถุนายน สามีของเธอได้ขับรถพาเธอไปนครปฐม จังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพไป 70 กิโลเมตร ที่นั่นเธอได้ค้นพบแสงสว่างปลายอุโมงค์ เธอได้เริ่มซื้อมะพร้าวจากนครปฐมและนำมาขายหน้าร้านนวดของเธอ เธอสามารถทำกำไรได้ 340 บาท ($10) ต่อวัน ซึ่งเธอกล่าวว่า: “ดีกว่าไม่มีรายได้อะไรเลย”

หลังจากที่ได้เปิดให้บริการธุรกิจของเธออีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน เธอเปิดให้บริการนวดเท้ากับลูกค้าในพื้นที่ “ฉันหาเงินจากบริการนี้ได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย มีเพียงการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้เท่านั้นที่จะช่วยฉันได้” เธอกล่าวอย่างมีความหวัง [สำหนักข่าว IDN-InDepthNews – วันที่ 2 ตุลาคม 2021]

ภาพตัดปะ: (ซ้าย) สถานบริการนวดที่ถูกปิดให้บริการในพื้นที่ประตูน้ำและรัชนี: ด้วยการปิดตัวลงของธุรกิจบริการนวดรัชนีจึงต้องขายบาบีคิวหมูบนทางเท้าภายนอกอะพาร์ตเมนต์ของเธอ เครดิต: ปัทมา วิไลเลิศ

NEWSLETTER

STRIVING

MAPTING

PARTNERS

Scroll to Top